เว็บไซต์ Forbes ได้ทำการสำรวจข้อมูลของนักกีฬาที่มีรายได้สูงสุด 50 คนของโลกในปี 2022 ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2021 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2022 โดยพวกเขามีรายได้รวมกันถึง 2.97 พันล้านดอลลาร์ก่อนหักภาษีและค่านายหน้า ซึ่งยอดรวมทั้งหมดมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 8% หรือ 200 ล้านดอลลาร์ ในวันนี้แอดมินก็ได้นำ 10 อันดับนักกีฬาอาชีพที่มีรายได้สูงที่สุดประจำปีมาให้ดูกัน มาดูกันว่ามีกีฬาอะไรและใครบ้างที่ทำเงินได้มากที่สุดในปีนี้
- Lionel Messi (ลิโอเนล เมสซี)
อาชีพ : นักฟุตบอล
รายได้ทั้งหมด : 130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4,596 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เมสซีได้คว้ารางวัลนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกเป็นสมัยที่ 7 เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา ทำให้เขาได้นำหน้าคู่แข่งอย่างคริสเตียโน โรนัลโดได้ถึง 2 สมัยและปีที่แล้วเขาก็ได้ย้ายจากบาร์เซโลนาไป Paris Saint-Germain ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคมของปีนี้เขาก็ยังได้ลงนามทำข้อตกลงกับแอป Socios ที่จ่ายเงินให้กับเขา 20 ล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้เมื่อปี 2019 เขาก็ได้เปิดจัวแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองและเปิดร้านค้าปลีกแห่งแรกของเขาที่ชื่อ Messi Store ที่บาร์เซโลนา ที่สำคัญเขายังมีข้อตกลงตลอดชีวิตกับแบรนด์กีฬาอย่าง Adidas อีกด้วย
- LeBron James (เลอบรอน เจมส์)
อาชีพ : นักบาสเกตบอล
รายได้ทั้งหมด : 121 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4,203 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 41.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เลอบรอน เจมส์ เป็นผู้เล่น NBA คนแรกที่ก้าวสู่การเป็นมหาเศรษฐี โดยเขาเกิดและได้รับการดูแลจากแม่เลี้ยงเดี่ยวอายุ 16 ปี รวมถึงญาติ ๆ เพื่อนบ้าน และโค้ชทีมฟุตบอลของเขาก่อนที่เขาจะได้รับเลือกเข้าทีม ‘คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส’ ในปี 2003 ต่อมาโดยเขาได้รับรายได้ก่อนหักภาษีมากกว่า 385 ล้านดอลลาร์ในขณะที่เล่นให้กับทีม ‘คาวาเลียร์ ไมอามี ฮีต’ ซึ่งทีมในปัจจุบันของเขาก็คือ ‘ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส’
เจมส์ กวาดรายได้ไปกว่า 900 ล้านดอลลาร์ (ก่อนหักภาษี) จากการลงทุนทางธุรกิจและข้อตกลงกับ PepsiCo, Walmart และ Nike ผู้สนับสนุนตลอดชีวิตของเขา ซึ่งกุญแจสู่สถานะมหาเศรษฐีของเขาเรียกได้ว่ามาจากการที่เขาได้รับประโยชน์จากแบรนด์ต่างๆ ที่ทำงานด้วยรวมถึง Beats by Dre และเครือ Blaze Pizza ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้มูลนิธิครอบครัวเลอบรอน เจมส์ ของเขาก็ได้เปิดโรงเรียนประถมศึกษาแห่งแรกในปี 2018 และให้คำมั่นว่าจะใช้เงินมากกว่า 40 ล้านดอลลาร์เพื่อให้เด็ก ๆ มีโอกาสเข้ารับการศึกษาได้
- Cristiano Ronaldo (คริสเตียโน โรนัลโด)
อาชีพ : นักฟุตบอล
รายได้ทั้งหมด : 115 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,995 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 โรนัลโดกลายเป็นบุคคลแรกในโลกที่มีผู้ติดตามถึง 500 ล้านคนบน Facebook, Instagram และ Twitter ซึ่งในเดือนพฤษภาคมผู้ติดตามก็ได้เพิ่มขึ้นถึง 690 ล้าน ในเดือนสิงหาคม 2021 เขาได้ย้ายจากยูเวนตุสไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เขาเคยเล่นตั้งแต่ปี 2003 ถึง 2009 โดยโรนัลโด้เป็นผู้เล่น FIFA 5 สมัยแห่งปีในปี 2020 และกลายเป็นนักกีฬาคนแรกที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในอาชีพการงาน นอกเหนือจากข้อตกลงตลอดชีพกับ Nike แล้วเขายังทำเงินนอกสนามจากการทำแบรนด์ CR7ขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ โรงแรม และยิมอีกด้วย
- Neymar (เนย์มาร์)
อาชีพ : นักฟุตบอล
รายได้ทั้งหมด : 95 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,300 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในเดือนพฤษภาคม 2021 เนย์มาร์ได้เซ็นสัญญากับปารีส แซงต์-แชร์กแมงจนถึงฤดูร้อนปี 2025 ซึ่งสัญญาใหม่ฉบับนี้เต็มไปด้วยโบนัสด้านต่าง ๆ มากมายที่เขาสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก PSG ชนะแชมเปี้ยนส์ลีก ด้านนอกสนามเขาก็ได้ประกาศออกจากสัญญากับ Jordan Brand ของ Nike ในปี 2020 และเซ็นสัญญาใหม่กับ Puma
- Stephen Curry (สตีเฟน เคอร์รี)
อาชีพ : นักบาสเกตบอล
รายได้ทั้งหมด : 92.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,224 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 45.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สตีเฟน เคอร์รี กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้เซ็นสัญญาถึง 2 ครั้งกับ NBA ทำใหเ้เขาสามารถสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล และในปี 2017 เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า SC30 ซึ่งเป็นการจัดการการลงทุน การเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ และกิจการเพื่อการกุศล ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2020 Under Armour ประกาศเปิดตัว Curry Brand เพื่อแข่งขันกับ Jordan Brand ของ Nike
เขายังมี Unanimous Media ซึ่งเป็นบริษัทด้านมีเดียของเขาที่ได้ลงนามในข้อตกลงการพัฒนากับ Comcast NBCUniversal ในเดือนกันยายน 2021 และเขายังได้เพิ่มความร่วมมือครั้งสำคัญกับ FTX ในปี 2021 ซึ่งมาพร้อมกับสัดส่วนการถือหุ้นอีกด้วย
- Kevin Durant (เควิน ดูแรนต์)
อาชีพ : นักบาสเกตบอล
รายได้ทั้งหมด : 92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,196 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 42.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หลังจากสามปีกับ Golden State Warriors ดูแรนต์ก็ได้เข้าร่วม Brooklyn Nets ในปี 2019 ด้วยสัญญาสี่ปีมูลค่า 164 ล้านดอลลาร์ เขายังลงทุนในบริษัทมากกว่า 80 แห่งผ่านบริษัท Thirty Five Ventures ของเขา โดยที่เพิ่มเข้ามาล่าสุดก็มี OpenSea และ Future และเขายังสนับสนุนการควบรวมกิจการ SPAC ของ SeatGeek ด้วยเช่นกัน
ในปี 2020 ดูแรนต์ซื้อหุ้นใน Philadelphia Union ของ Major League Soccer และเขาก็เป็นผูอยู่เบื้องหลังแบรนด์สื่อที่มีชื่อว่า ‘Boardroom’ และเป็นโปรดิวเซอร์เรื่อง “Two Distant Strangers” ซึ่งคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สั้นผู้แสดงยอดเยี่ยมในปี 2021
- Roger Federer (โรเจอร์ เฟเดอเรอร์)
อาชีพ : นักเทนนิส
รายได้ทั้งหมด : 90.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,150 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 700,000 เหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เฟเดอเรอร์ มีพอร์ตสปอนเซอร์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลกกีฬา ซึ่งในปี 2020 นั่นทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกเป็นครั้งแรก โดยข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือแบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่น Uniqlo ซึ่งคว้าตัวเขาไว้ในปี 2018 ภายใต้ข้อตกลง 10 ปีมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ โดยเฟเดอเรอร์ยังได้รับเงินรางวัลกว่า 130 ล้านดอลลาร์ในอาชีพการงานของเขา แต่ยอดรวมนั้นแคบกว่ารายได้นอกสนามเสียอีก นอกจากนี้มูลนิธิของเขาได้ระดมทุนมากกว่า 50 ล้านดอลลาร์และให้การศึกษาแก่เด็ก 1.5 ล้านคนในแอฟริกาไปแล้วตั้งแต่เปิดตัว
- Canelo Alvarez (คาเนโล อัลวาเรซ)
อาชีพ : นักมวย
รายได้ทั้งหมด : 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,126 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อัลวาเรซ ทำเงินได้ประมาณ 85 ล้านเหรียญจากการต่อสู้ในปี 2021 กับ Billy Joe Saunders และ Caleb Plant นอกเหนือจากวงการมวยแล้ว เขามีหุ้นส่วนกับ Hennessy และเป็นเจ้าของร้านอาหารทาโก้ในเม็กซิโกซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาอีกด้วย
ในการให้สัมภาษณ์กับ Graham Bensinger ในเดือนเมษายนปี 2021 เขากล่าวว่าเขาทำเงินได้เกือบ 20 ล้านเหรียญต่อปีจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ และในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อัลวาเรซกล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเปิดปั๊มน้ำมัน 90 ถึง 100 แห่งในเม็กซิโก
- Tom Brady (ทอม เบรดี)
อาชีพ : นักอเมริกันฟุตบอล
รายได้ทั้งหมด : 83.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,914 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 31.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หลังจากทำให้โลกฟุตบอลตกตะลึงด้วยการออกจาก Patriots กับ Buccaneers ในปี 2020 เบรดี้ก็คว้าแชมป์ Super Bowl สมัยที่เจ็ดของเขาได้ในทันที หลังจากฤดูกาลที่เป็นตัวเอกใน Tampa เขาได้ประกาศเกษียณอายุในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แต่ผ่านไปไม่ถึง 6 สัปดาห์เขาก็ได้ประกาศตัวกลับสู่การทำงานอีกครั้งโดยเปิดตัวแบรนด์ไลฟ์สไตล์ TB12 และร่วมก่อตั้ง Autograph ซึ่งเป็นบริษัท NFT ที่ระดมทุนได้ 170 ล้านดอลลาร์ในการระดมทุน Series B ในเดือนมกราคม 2022
ในปี 2020 เขาได้เปิดตัว 199 Productions เพื่อพัฒนาสารคดี ภาพยนตร์ และรายการทีวี เมื่อถึงเวลาต้องเลิกเล่นฟุตบอลอย่างถาวร เบรดี้ก็มีงานแสดงที่ทำกำไรได้ต่อไปนั่นคือบทบาทผู้วิจารณ์กับ Fox Sports นั่นเอง
- Giannis Antetokounmpo (ยานนิส อันเตโตคูมโป)
อาชีพ : นักบาสเกตบอล
รายได้ทั้งหมด : 80.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,810 ล้านบาท)
รายได้ภาคสนาม : 39.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
รายได้นอกสนาม : 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในเดือนธันวาคม 2020 อันเตโตคูมโปเซ็นสัญญาขยายเวลากับซูเปอร์แม็กซ์ 5 ปีมูลค่า 228 ล้านดอลลาร์กับ Bucks เขายังได้รับการเสนอชื่อให้เป็น MVP ของ NBA สำหรับปี 2018-19 และ 2019-20 รวมถึงยังเป็นผู้เล่นแนวรับแห่งปีสำหรับฤดูกาลหลังอีกด้วย
การที่เขาคือ MVP ทำให้ได้รับสปอนเซอร์อย่าง Nike ซึ่งขยายข้อตกลงกับ Greek Freak ในปี 2017 โดย Nike เปิดตัว Zoom Freak 1 ในปี 2019 ซึ่งเป็นการเปิดตัวรองเท้าซิกเนเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์บาสเก็ตบอลของ Nike นอกจากนี้ Disney ยังได้ทำข้อตกลงในปี 2020 เพื่อพัฒนาภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของ Antetokounmpo ตามแนว “The Blind Side” โดยมีชื่อว่า “Rise” ซึ่งได้เปิดตัวหนังไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 รายชื่อนักกีฬาอาชีพที่รวยที่สุดในโลกของปี 2022 นี้ โดยเมสซียังคงติดอับดับมาแรงอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ถึงแม้ว่าอาชีพกีฬาอาจจะเป็นอาชีพที่ทำได้ในระยะสั้นเพราะจากอายุและปัญหาด้านสุขภาพร่างกายต่าง ๆ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าในระยะเวลาอันสั้นนี้พวกเขากลับทำเงินได้อย่างมหาศาลเมื่อเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น ๆ เสียอีก และก็ต้องยอมรับเลยว่าพวกเขาทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจทั้งหมดที่มีเพื่อทำในสิ่งที่พวกรัก และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้
อ้างอิง : https://www.forbes.com/athletes/